แชร์

ประวัติ Dermatoglyphics Dermatoglyphics History

อัพเดทล่าสุด: 18 ธ.ค. 2024
32 ผู้เข้าชม
ประวัติ Dermatoglyphics Dermatoglyphics History.

Ancient China : Thumb prints were found on clay seals
1641-1712 : ในยุคสมัยจีนโบราณพบการประทับลายนิ้วมือบนดินเหนียวเพื่อนำไปปิดผนึกฝาหีบเพื่อใช้ในการยืนยันทางธุรกรรม

1788 : J.C.Mayer  เป็นคนแรกที่ตีพิมพ์ผลงานหลักการพื้นฐานของการวิเคราะห์ลายผิวนิ้วมือและทฤษฎีเกี่ยวกับลายผิวนิ้วมือที่เป็นเอกลักษณ์

 
Research by scientist
1823 : John Evangelist Purkinji a professor of anatomy at the University of Breslau,Germany.

พบว่าเส้นลายผิวนิ้วมือเริ่มสร้างในสัปดาห์ที่ 13 จนถึงสัปดาห์ที่ 24 จึงเสร็จสมบูรณ์ เมื่อสมบูรณ์เต็มที่แล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต

Dr. Jan Purkinje ตีพิมพ์ผลงานแบบแผนลายนิ้วมือพื้นฐานออกเป็น 9 รูปแบบ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าลายนิ้วมือสามารถระบุเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลได้

1832 : Dr. Charles Bell (1774-1842) ศัลยแพทย์คนแรกผู้ศึกษาระบบประสาทวิทยาและศึกษาความสัมพันธ์ของการเชื่อมโยงของสมองกับนิ้วมือ

1880 : Dr. Faulds จัดระบบการแยกประเภทลายผิวนิ้วมือและเก็บตัวอย่างลายนิ้วมือด้วยการใช้ตลับหมึกที่ออกแบบขึ้นมาซึ่งต่อมาได้มีผู้ทำการศึกษาต่อ คือ Dr. Francis Galton ซึ่งเป็นญาติของ Sir Charles Darwin

 

1893 : Sir Francis Galton a British anthropologist and a cousin of Charles Darwin นักมานุษยวิทยาได้กำหนดลายผิวนิ้วมือ เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ลายก้นหอย ลายมัดหวาย ลายโค้ง และจัดทำระบบลายนิ้วมือขึ้นเป็นแบบแผนโดยลายนิ้วมือของมนุษย์จะไม่มีการซ้ำกันซึ่งสามารถนำไประบุตัวบุคคลได้



ในปี ค.ศ.1926 Dr.Harold Cummins ผู้ถูกขนานนามว่า The Father of Dermatoglyphics นิยามคำว่า Dermatoglyphics เป็นคำเรียกเฉพาะสำหรับการศึกษาลายนิ้วมือของสมาคมสัณฐานวิทยาอเมริกัน คำนี้จึงใช้เป็นทางการในการวิจัยแขนงนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Dr.Harold Cummins ยังค้นพบว่าความผิดปกติของโครโมโซมจะแสดงออกผ่านลายนิ้วมือ บ่งชี้ถึงโรคทางพันธุกรรมได้ เช่น โรคกลุ่มดาวน์ การค้นพบที่สำคัญนี้มีการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการและเป็นที่รู้จักทั้งในและนอกประเทศในแวดวงพันธุศาสตร์


เทคโนโลยี DMIT นำผลวิเคราะห์ที่ถอดรหัสได้มาประเมินร่วมกับทฤษฎีของ Dr. Howard Gardner จากมหาวิทยาลัย Harvard University เป็นผู้คิดค้น ทฤษฎีการเรียนรู้ ที่เรียกว่า Multiple Intelligences โดยในปี ค.ศ.1983 ได้แบ่งความฉลาดทางปัญญาออกเป็นทั้งหมด 7 ด้านและต่อมาในปี ค.ศ.1997 ได้เพิ่มเติมเข้ามาอีก 1 ด้าน รวมเป็นทั้งหมด 8 ด้าน เพื่อให้สามารถอธิบายได้ครอบคลุมมากขึ้น จึงสรุปได้ว่า พหุปัญญา ตามแนวคิดของการ์ดเนอร์ ในปัจจุบันแบ่งได้ตามภาพด้านล่างนี้



  บริษัท Brain Scan จึงได้นำโปรแกรม DMIT มาผนวกกับทฤษฎี Dermatoglyphics นำมาใช้วิเคราะห์หาพรสวรรค์ จุดเด่นและจุดที่ควรเสริมสร้างของแต่ละบุคคลผ่านลายผิวบนนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว ทำให้ทราบถึงศักยภาพต้นกำเนิดรวมถึงพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของแต่ละบุคคล ทราบถึงพฤติกรรมและลักษณะอุปนิสัยที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของบุคคลนั้น


บทความที่เกี่ยวข้อง
 ประโยชน์ของการวิเคราะห์ The benefits of analysis
ประโยชน์สำหรับเด็กอ่อนและเด็กวัยประถม
19 ธ.ค. 2024
สอนลูกให้รู้เท่าทันการใช้อินเทอร์เน็ต
สอนลูกให้รู้เท่าทันการใช้อินเทอร์เน็ต พ่อแม่ต้องควบคุมเวลาในการใช้ ต้องสอนให้มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ให้ระวังการแชร์ข้อมูลส่วนตัวในโซเชียลมีเดีย
20 เม.ย. 2024
เพราะอะไรพ่อแม่จึงควรหยุดตะโกนใส่ลูก
เพราะอะไรพ่อแม่จึงควรหยุดตะโกนใส่ลูก พ่อแม่เกือบทั้งหมดไม่มีใครที่ชอบตะโกนใส่ลูก แต่ว่ามันอดไม่ได้จริงๆ ควบคุมไม่ได้ เป็นความจริงที่เจ็บปวด
20 เม.ย. 2024
Brain Scan ช่วยให้คุณและลูกรักค้นพบความสามารถ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy